1. หลังจากสินค้าเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่น ทางเจ้าหน้าที่ของสายการบินจะทำ การตรวจเช็ค สภาพสินค้า เพื่อตรวจสอบจำนวนสินค้าและความเสียหายของสินค้า

2. การตรวจสอบคุณภาพสินค้า ณ กองกักกันพืชสำนักงานเกษตรฯ
โดยเจ้าหน้าที่เกษตรฯ ญี่ปุ่น สินค้าจะถูกตรวจเช็คทั้งภายนอกและภายในกล่อง
เพื่อยืนยันว่าเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของรัฐบาล 2 ฝ่าย ในการนำเข้าสินค้า มะม่วงและมังคุด กล่าวคือ

2.1 การตรวจเช็คภายนอก จะมีการตรวจเช็คตามข้อตกลง ต่างๆ ดังนี้

-สภาพกล่องและตาข่ายห่อหุ้มสินค้า อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยขาด เพื่อป้องกันแมลงที่รอดชีวิตจากการอบไอน้ำออกมาจากกล่องได้ การตรวจภายนอกนี้ จะตรวจสินค้าทั้งหมด
- ต้องมีสติกเกอร์ TREATED PQ-DOA-THAILAND หมายถึง ผ่านการอบไอน้ำจากไทยที่ได้มากตรฐาน
- ต้องมีสติกเกอร์คำว่า FOR JAPAN ตัวพิมพ์ใหญ่

ซึ่งหากตรวจสอบไม่ผ่านจะไม่สามารถนำสินค้าเข้าในประเทศญี่ปุ่นได้ และจะถูกทำลายทิ้งเท่านั้น

2.2 การตรวจเช็คภายใน เป็นการตรวจหา หนอน, แมลง ฯลฯ ซึ่งทางญี่ปุ่นกำหนดว่าอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และการเกษตรของญี่ปุ่น หากตรวจพบหนอน,เพลี้ย ฯลฯ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทางเกษตรฯ ญี่ปุ่นจะไม่ยอมรับ และต้องนำไปทำการอบแก๊สอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สินค้าเสียหายได้ โดย สินค้าของเราผ่านการตรวจสอบมาโดยตลอด

การสุ่มตรวจสารตกค้างในสินค้า เช่น ยาฆ่าแมลงตามชนิดที่ระบุ ณ สำนักงานสาธารณสุข โดยมะม่วงที่ถูกสุ่มตรวจแล้ว จะมีฉลากสีเขียวติด

รัฐบายไทย จะตรวจมะม่วงที่จะส่งออก โดยมีบริษัทที่ได้รับอนุญาติไม่กี่บริษัท
บริษัทเคซี ซึ่งเป็นผู้จัดหาสินค้าในประเทศไทยของพี.เค.สยาม เป็นหนึ่งบริษัทที่ได้รับรับรองให้ส่งออกได้ตามมาตรฐาน ซี่งในการส่งออกทุกครั้ง จะต้องแนบเอกสารแสดงผลการตรวจจากเกษตรฯ ไทย ต่อ สำนักงานสาธารณสุขฯ ญี่ปุ่น หากมีการตรวจพบสาร ก็ไม่สามารถส่งออกได้เช่นกัน

3.ขั้นตอนการเสียภาษี นำเอกสารอนุญาติให้นำเข้าจาก สำนักงานเกษตรและสาธารณสุข ญี่ปุ่น ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ภาษี เพื่อชำระค่าภาษี สินค้านำเข้า

4. การรับสินค้า นำใบรับรองสินค้านำเข้า จากสำนักงานภาษี เพื่อขอรับสินค้าจากสนามบิน

5. เส้นทางสินค้าถึงผู้บริโภค
- ส่งสินค้าเข้าตลาดหลัก เช่น ตลาดโอตะ
- นำเข้าสต๊อกสินค้า เพื่อการจำหน่ายต่อไป